เรื่อง มงคลสูตรคำฉันท์
ความเป็นมา
เมื่อ พ.ศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่6 ทรงนำมงคลสูตรมาทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทร้อยกรองประเกทคำฉันท์ โดยใช้คำประพันธ์ 2 ชนิด คือกาพย์ฉบัง 16 และอินทรวิเชียรฉันท์ 11 ทรงนำคาถาภาษาบาลีจากพระไตรปิฏกตั้ง
แล้วแปลถอดความเป็นร้อยกรองภาษาไทย ได้ถูกต้องตรงตามบังคับในฉันทลักษณ์
โดยไม่เสียเนื้อความจากพระคาถาบาลี การจัดวางลำดับของมมงคลแต่ละข้อก็เป็นไปตามที่ปรากฏอยู่ในพระคาถาเดิม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระอัจริยภาพทางด้านภาษาได้อย่างดียิ่ง
ผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลักษณะคำประพันธ์
กาพย์ฉบัง 16 และอินทรวิเชียรฉันท์11
เรื่องย่อ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงมงคลสูงสุด 38 ประการ ไว้ในมงคลสูตรซึ่งสำคัญบทหนึ่งในพระพุทธศาสนา มงคลสูตรปรากฏในพระไตรปิฏก ขุททกนิกาย หมวดทขุททกปาฐะ
เนื้อเรื่อง
๑ สิบสองฉนำเหล่า นรอีกสุเทวา
รวมกันและตริหา สิริมังคลา
๒ เทวามนุษย์ทั่ว พหุภพประเทศใน
หมื่นจักรวาล ดำริสิ้นจิรังกาล
แล้วยังบ่รู้มง- คละสมมโนมาลย์
ด้วยกาละล่วงนาน บ่มิได้ประสงค์สม
ได้เกิดซึ่งโลกา- หละยิ่งมโหดม
ก้องถึงณชั้นพรหม ธสถิตสะทือนไป
ฯลฯ
คำศัพท์
โกศล
|
ฉลาด
| ||
ขุททกนิกาย
|
พระสูตรเล็กน้อยหรือย่อยๆ
| ||
ขุททกปาฐะ
|
บทสวดหรือบทสวดสั้นๆ
| ||
คติ
|
วิธี แนวทาง
| ||
คาถา
|
คำประพันธ์ในภาษาบาลี
| ||
จิรังกาล
|
เวลาช้านาน
| ||
จำนง
|
ประสงค์ มุ่งมั่น ตั้งใจ
| ||
ชินสีห์
|
พระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า แปลว่า ผู้ชนะ
| ||
ฉนำ
|
ปี
| ||
เฉิดเฉลา
|
งามเด่น
| ||
ดำกล
|
ตั้งไว้ ยืนยอยู่
| ||
ติระ
|
ฝั่ง
| ||
ทะเลวน
|
เวียนว่ายตายเกิด
| ||
ทศพล
|
ผู้มีกำลัง 10 ประการ
| ||
ทุษะ
|
คือ โทษ
| ||
นร
|
คน
| ||
บรรสาน
|
คือ ประสาน เชื่อม ผูกไว้
| ||
ยำเรอ
|
รับใช้
| ||
ประคอง
|
พยุงให้ทรงตัวยุ
| ||
ปรีย์
|
มี่รัก
| ||
วิเคราะห์
คุณค่าด้านเนื้อหา
มงคลสูตรคำฉันท์นอกจากจะมีการแปลถอดความมาจากพระคาถาแล้ว ยังมีการอธิบายขยายมงคลเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
การสรรคำ การเลือกสรรคำเป็นอย่างดี
การเลือกใช้คำประพันธ์ การเลือกใช้กาพย์ฉบัง16 และ อินทรวิเชียรฉันท์ 11 สามารถประพันธุ์ได้ตรงตามบังคับในฉันทลักษณ์โดยไม่เสียเนื้อความจากพระคาถาบาลี
การแปลถอดความ การภาษาบาลีเป็นบทร้อยกรอง ประเภทคำฉันท์ ทรงแปลถอดความได้อย่างสละสลวย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น